เกล็ดเลือดมหัศจรรย์

เกล็ดเลือดมหัศจรรย์

     เรารู้กันมานานแล้วว่าเกล็ดเลือดทำหน้าที่ห้ามเลือดและสมานแผล

     ความพยายามถอดรหัสการทำงานของเกล็ดเลือดทำให้ค้นพบว่าเกล็ดเลือดทำอะไรได้อีกมาก และก่อประโยชน์ทางการแพทย์อย่างมหาศาล

     ในเกล็ดเลือดมีสารที่เรียกว่า Growth factors ซึ่งเป็นตัวสำคัญในกระบวนการห้ามเลือดและสมานแผล

     เมื่อมีแผล เกล็ดเลือดจะเกาะกับเนื้อเยื่อคอลลาเจนที่แผล กลายเป็นก้อนเลือด พร้อมกันนี้เกล็ดเลือดจะปล่อย Growth factors จำนวนมากที่ทำให้เกิดการอักเสบ

     เมื่อเกิดการอักเสบขึ้น ร่างกายพยายามรักษาอาการนั้น ด้วยการสร้างเส้นเลือดใหม่ ให้มีอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์ที่เป็นแผล เพราะเส้นเลือดเดิมโดนตัดไป และสร้างคอลลาเจนเพื่อให้แผลสมาน

     Growth factors อีกส่วน ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จนกระทั่งแผลสมานดี ผิวหนังกลับมาเรียบสนิทเช่นเดิม

     (แต่ถ้า Growth factors หลั่งมากเกินไป กระตุ้นให้คอลลาเจนสร้างเยอะเกินไป แผลนั้นจะกลายเป็นแผลเป็นได้)

———————————————-

     เราอาจจะเคยได้ยินชื่อ Growth factors กันมาพอสมควร

     Growth factor เป็นโปรตีนประเภทหนึ่งในร่างกายที่ทำหน้าที่จัดระเบียบและควบคุมการทำงานของเซลล์และเนื้อเยื่อ ในการแบ่งตัวของเซลล์ การเจริญเติบโตของเซลล์ การย้ายที่อยู่ของเซลล์ รวมถึงการรอดชีวิตของเซลล์ด้วย

     ด้วยความที่ช่วยในเรื่องการเพิ่มจำนวนและเจริญเติบโตของเซลล์นี่เอง จึงได้ชื่อว่า Growth factor โดยที่ไม่ได้หมายถึงปัจจัยเพิ่มความสูง หรือการเติบโตของร่างกาย

     (แต่มีส่วนทั้งในเรื่องความสูง และการเติบโต เพราะ Growth factors ทำให้ Growth hormone เกี่ยวกับการเติบโตของร่างกายทำงานได้ดี)

     ดังนั้นคนเราต้องการ Growth factors ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย เพราะเซลล์และเนื้อเยื่อเป็นส่วนประกอบของอวัยวะทั้งหมด

———————————————-

     Growth factors ไม่ได้มีชนิดเดียว แต่มีกี่ชนิดกันแน่ก็ยากที่จะบอก เพราะ Growth factors ผลิตได้จากหลายแหล่งในร่างกาย แต่อย่างน้อยในเกล็ดเลือดก็มี Growth factors ร่วมกับโปรตีนชนิดอื่น รวมอยู่ไม่น้อยกว่า 1,500 ชนิด

     ที่ไม่แยก Growth factors ออกจากโปรตีนตัวอื่น เนื่องจาก Growth factors ทำงานร่วมกับโปรตีนอื่นด้วย

     เช่น เมื่อ Growth factors ทำงานร่วมกับโปรตีนฮอร์โมนความสุข (Seretonin และ Catecholamine) จะทำหน้าที่บรรเทาความเจ็บปวด หรือเป็นเหมือน “ยาแก้ปวด” จึงเป็นส่วนหนึ่งที่นำมาใช้ในการรักษาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและกระดูก

———————————————-

     Growth factor (GF) แต่ละตัวมีหน้าที่ของตัวเอง แต่ก็เสริมการทำงานของตัวอื่นๆ ด้วย

     บางตัวมีหน้าที่หลักที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด (Platelet derived growth factor, PDGF)

     บางตัวกระตุ้นการแบ่งเซลล์ของผิวหนังและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Platelet derived epidermal, PDEGF และ Epidermal, EGF)

     บางตัวทำหน้าที่หลักในการสร้างหลอดเลือดใหม่ และสร้างเซลล์ที่สร้างคอลลาเจน (Fibroblast, FGF-1, FGF-2 และ Vascular endothelial, VEGF และ Hepatocyte, HGF)

     ด้วยประโยชน์ที่ค้นพบของ Growth factors ในเกล็ดเลือดนี่เอง จึงนำไปใช้ในการแพทย์หลายสาขา ทั้งศัลยกรรมกระดูกขากรรไกรหัก การผ่าตัดหัวใจ รักษาระบบปัสสาวะ นรีเวชศาสตร์ ภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยไตวาย ไปจนถึงเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคเอดส์

     แต่ที่แพร่หลายที่สุด คือ การนำเกล็ดเลือดไปใช้ฉีดรักษาโรคข้อเสื่อม และการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และกระดูก โดยเฉพาะในกลุ่มนักกีฬา

———————————————-

     เกล็ดเลือด (Platelet) ที่นำไปฉีดนี้ เป็นเกล็ดเลือดเข้มข้นที่ได้จากการแยกเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงออกไป ให้เหลือแต่เกล็ดเลือดอยู่ในน้ำเหลืองหรือพลาสมา โดยมีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษหลายแบบ ทั้ง Platelet concentrate, Platelet-rich growth factors, Platelet-rich fibrin matrix แต่ที่คุ้นหูกันมากที่สุด ได้แก่ Platelet-rich plasma หรือ PRP

———————————————-

     การฉีด PRP เริ่มแพร่สู่การแพทย์ผิวหนังและความงาม เมื่อเกือบ 15 ปีก่อน เริ่มนำมาใช้รักษาอาการศีรษะล้าน ทั้งที่เกิดจากพันธุกรรม ที่ทำให้รูขุมขน (ของผม) หดลีบเล็กจนผมไม่สามารถขึ้นได้ และอาการล้านเป็นหย่อมที่ไม่ได้เกิดจากพันธุกรรม ที่รูขุมขน (ผม) ยังมีอยู่ แต่ไม่แข็งแรง

     เพราะในเกล็ดเลือดมี Growth factors ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของผมและรูขุมขน (ของผม) ผลจากการทดลองฉีด PRP เพื่อช่วยรักษาอาการศีรษะล้าน พบว่า ผมร่วงลดลง และทำให้ผมดกขึ้น หนาขึ้น

     การฉีด PRP กลายเป็นวิธีหนึ่งที่ยอมรับในการรักษาผู้มีอาการผมร่วงมากผิดปกติ ผมบาง ไปจนกระทั่งถึงผู้ที่ต้องการกระตุ้นให้ผมดกหนาขึ้นในบริเวณที่ต้องการ เช่น ไรผม เป็นต้น

———————————————-  

     จากปลูกผมมาสู่ใบหน้า เพราะด้วยคุณสมบัติของ Growth factors ในการรักษาและสมานแผล จึงนำมาฉีดรักษารอยแผลเป็นชนิดต่างๆ เช่น แผลเป็นจากไฟไหม้ หรือหลังผ่าตัด

     แต่การฉีด PRP กลายเป็นทางเลือกผิวสวยที่หลายคนถามถึง เมื่อเจ้าแม่เรียลลิตี้ Kim Kardashian ออกรายการว่าไปทำ « Vampire facelift » เพื่อให้หน้าอ่อนเยาว์

     ที่เรียกแปลกๆ แบบนี้ เนื่องจากในการทำ PRP จะใช้วิธีการดูดเลือดของตัวเองมาปั่นแยก ก่อนจะฉีดกลับเข้าไป เพื่อฟื้นฟูสภาพผิว ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยจางลง

     ข้อดีที่เห็นพ้องกัน คือ การที่ใช้เกล็ดเลือดของตัวเองมาฉีดกลับเข้าไปในร่างกาย เปรียบเหมือนเซรั่มธรรมชาติ โอกาสที่จะแพ้หรือเกิดผลข้างเคียงจึงน้อยมาก

     และไม่ใช่แค่ที่หน้า แต่ยังนิยมฉีดคอ หน้าอก และหลังมือด้วย

     เพื่อผิวที่เต่งตึง

Message us